การเติบโตของเทคโนโลยีในการผลิตเชิงอุตสาหกรรม ทำให้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นแรงสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ แม้แต่เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารก็เข้ามามีบทบาทต่อวิถีชีวิตมนุษย์เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในด้านการทำงาน ผู้ที่ยอมเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีได้ก็มีโอกาสจะประสบผลสำเร็จในการทำงาน ดังนั้น เทคโนโลยีจึงมีนัยแห่งการครอบงำคนในสังคมให้ยอมรับเทคโนโลยีเข้าสู่วิถีชีวิต แปรสภาพมนุษย์ให้กลายเป็นหน่วยทางการผลิต การทำงานที่ไม่มีความแตกต่างกัน การครอบงำจากเทคโนโลยีได้แพร่กระจายเข้าสู่ทุกภาคส่วนของสังคมสิ่งบ่งชี้การครอบงำดังกล่าวก็คือ ผู้ปกครองซื้อสินค้าทางเทคโนโลยีอย่างคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตให้กับบุตรหลาน และให้บุตรหลานเรียนพิเศษเพิ่มเติมในเรื่องคอมพิวเตอร์ทั้งๆ ที่ผู้ปกครองบางท่านมีฐานะทางเศรษฐกิจไม่ค่อยดีนัก
การครอบงำของเทคโนโลยีที่มีต่อมนุษย์ไม่หยุดไม่เพียงแค่นั้นแต่ยังแพร่กระจายเข้ามาสู่การใช้เวลาว่างของเด็กอีกด้วย ทั้งนี้เพราะผลพวงของเทคโนโลยีทางการผลิตได้ก่อให้เกิดสินค้าเพื่อความบันเทิงอย่างเกมออนไลน์ เด็กมีความคุ้นเคยอยู่กับเกมคอมพิวเตอร์ หรือเกมคอนโซลที่เป็นสินค้าบันเทิงอยู่แล้ว จึงไม่เป็นเรื่องยากที่เด็กจะรับเกมออนไลน์เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตในช่วงเวลาว่าง อีกทั้งตัวผู้ปกครองเองก็ไม่ได้คัดค้านหรือไม่สามารถหากิจกรรมใดๆ เพื่อมาทดแทนการเล่นเกมออนไลน์ของเด็กเพราะมองว่าเป็นสิ่งบันเทิงที่ให้เด็กผ่อนคลายความตึงเครียด หรือแม้แต่ช่วยฝึกทักษะให้กับเด็ก ดังนั้น เด็กจึงสามารถใช้เวลาว่างของตนกับเกมออนไลน์ได้อย่างเต็มที่
สาเหตุที่ช่วยสนับสนุนให้เด็กเล่นเกมออนไลน์ประการหนึ่งนั้นคือ เพื่อน ถ้าเพื่อนในกลุ่มเล่นเกมออนไลน์กันทุกคนแต่เด็กคนใดไม่ได้เล่นก็จะกลายเป็นคนแปลกแยก ไม่มีสังคม ทำให้ต้องปรับตัว เข้าไปเล่นเกมกับเพื่อน ซึ่งบ่งชี้อย่างชัดเจนถึงการบังคับเด็กทางอ้อมให้มาบริโภคสินค้าอย่างเกมออนไลน์เหมือนๆ กัน ความต้องการในการใช้เวลาว่างถูกทำให้เหมือนกัน แต่ด้วยข้อจำกัดบางประการทำให้เด็กไม่สามารถเล่นเกมที่บ้านของตนเองได้สิ่งที่มาตอบสนองความต้องการดังกล่าวคืออินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ซึ่งอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เองก็ปรับตัวต่อกระแสความนิยมของเกมออนไลน์ และพฤติกรรมการเล่นเกมออนไลน์ของเด็กที่เล่นเป็นระยะเวลานาน ด้วยการให้บริการเสริม เช่น ขายอาหารและเครื่องดื่ม หรือแม้แต่มีเสื้อผ้าให้เด็กเปลี่ยนเมื่อเด็กมาเล่นเกมก่อนเวลา รวมทั้งการขายเงินและสิ่งของในเกมออนไลน์ ซึ่งล้วนแล้วแต่ทำให้เด็กใช้เวลาว่างกับเกมออนไลน์ได้นานยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี เมื่อเด็กได้เข้าเล่นเกมออนไลน์แล้ว เด็กจะมีการการสร้างตัวตนของเด็กผ่านตัวละครในเกมออนไลน์ ด้วยการเลือก เพศ ชื่อ เสียง และสีผม จากการสร้างตัวละครของเด็กนั้นบ่งชี้ให้เห็นถึงการที่เด็กยึดโยงตนเองกับสิ่งที่เด็กสัมพันธ์ด้วยในชีวิตจริง แล้ววกกลับเข้ามาทับตัวละครภายในเกมออนไลน์ ทำให้ตัวเด็กกับตัวละครในเกมออนไลน์คือสิ่งเดียวกัน สิ่งที่สนับสนุนความคิดดังกล่าวคือ การเกิดอารมณ์และความรู้สึกของเด็กในสภาวะการณ์ที่เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เล่นอื่น ทั้งความพึงพอใจความโกรธเกรี้ยว ดังนั้นตัวละครในเกมออนไลน์กับเด็กที่เล่นอยู่ไม่ได้เป็นสิ่งที่แยกขาดออกจากกัน เช่นเดียวกับชีวิตในเกมออนไลน์กับชีวิตจริงของเด็กไม่แยกออกจากกันอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะภาษาที่เด็กใช้ปฏิสัมพันธ์กับผู้ปกครองและเพื่อนในกลุ่ม เป็นภาษาที่ติดออกมาจากเกมออนไลน์ ซึ่งมีส่วนในการร้อยชีวิตเด็กกลับเข้ามาใช้เวลาว่างด้วยการเล่นเกมออนไลน์ เป็นการปิดกั้นจินตนาการและ ประสบการณ์ของเด็กเพราะเด็กไม่เลือกทำกิจกรรมประเภทอื่นในช่วงเวลาว่าง แม้จะมีตัวเลือกเป็นการเล่นกีฬาอันหลากหลายก็ตาม ดังนั้นเกมออนไลน์จึงกลายมาเป็นศูนย์กลางในการทำกิจกรรมร่วมกันของเด็กในช่วงเวลาว่าง